เมนู

1. พรรณนาพระสรณตรัย


การชี้แจงเรื่องพระพุทธะ


บัดนี้ คำใดข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า จะชี้แจงเรื่องพระพุทธะ เรื่องการถึง
สรณะ และเรื่องบุคคลผู้ถึงสรณะ ในคำนั้นสัตว์พิเศษ ชื่อว่า พุทธะ เพราะ
บัญญัติอาศัยขันธสันดานที่ถูกอบรมด้วยการบรรลุอนุตตรวิโมกข์ ซึ่งเป็นนิมิต
แห่งพระญาณอันอะไร ๆ ชัดขวางมิได้ หรือเพราะบัญญัติอาศัยการตรัสรุ้เองยิ่ง
ซึ่งสัจจะ อันเป็นปทัฏฐานแห่งพระสัพพัญญุตญาณ เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นใด เป็นพระสยัมภูเป็นเอง
ไม่มีอาจารย์ ตรัสรู้ยิ่งพร้อมด้วยพระองค์เอง ซึ่งสัจจะทั้งหลาย ใน
ธรรมทั้งหลายที่มิได้ทรงฟังมาก่อน ทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณใน
ธรรมเหล่านั้น และความเป็นผู้เชี่ยวชาญในพละทั้งหลาย พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าพระองค์นั้น ชื่อว่า
พุทธะ.
การชี้แจงเรื่องพระพุทธะโดยอรรถะเท่านี้ก่อน.
แต่เมื่อว่าโดยพยัญชนะ พึงทราบโดยนัยเป็นต้นอย่างนี้ว่า ชื่อว่า
พุทธะ เพราะทรงเป็นผู้ตรัสรู้ ชื่อว่า พุทธะ เพราะทรงเป็นผู้ปลุกให้ตื่น
สมจริงดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า
ในบทว่า พุทฺโธ ชื่อว่า พุทธะ เพราะอรรถว่าอะไร ชื่อว่า พุทธะ
เพราะอรรถว่า ตรัสรู้สัจจะทั้งหลาย. ชื่อว่า พุทธะ เพราะอรรถว่า ทรง
ปลุกหมู่สัตว์ให้ตื่น ชื่อว่า พุทธะ เพราะทรงรู้ทุกอย่าง ชื่อว่า พุทธะ
เพราะทรงเห็นทุกอย่าง. ชื่อว่า พุทธะ เพราะตรัสรู้เองไม่ใช่ผู้อื่นทำให้รู้

ชื่อว่า พุทธะ เพราะบานแล้ว ชื่อว่า พุทธะเพราะนับกันว่าเป็นผู้สิ้น กิเลสแล้ว.
ชื่อว่า พุทธะ เพราะนับกันว่า เป็นผู้ไม่มีอุปกิเลส. ชื่อว่า พุทธะ เพราะ
อรรถว่า สิ้นราคะสิ้นเชิง. ชื่อว่า พุทธะ เพราะอรรถว่า สิ้นโทสะสิ้นเชิง. ชื่อว่า
พุทธะ เพราะอรรถว่า สิ้นโมหะสิ้นเชิง. ชื่อว่า พุทธะ เพราะอรรถว่า ไร้กิเลส
สิ้นเชิง. ชื่อว่า พุทธะ เพราะอรรถว่า ทรงดำเนินเอกายนมรรค. ชื่อว่า พุทธะ
เพราะอรรถว่า ตรัสรู้ยิ่งเอง ซึ่งพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิลำพังพระองศ์เดียว.
ชื่อว่า พุทธะ เพราะทรงได้ความรู้ เหตุทรงกำจัดความไม่รู้ได้แล้ว. พระนาม
ว่า พุทธะ นี้ มิใช่พระชนนีตั้ง มิใช่พระชนกตั้ง มิใช่พระเชษฐภาดาตั้ง
มิใช่พระเชษฐภคินีตั้ง มิใช่มิตรอมาตย์ตั้ง มิใช่พระญาติสาโลหิตตั้ง มิใช่
สมณพราหมณ์ตั้ง มิใช่เทวดาตั้ง พระนามนี้ของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า มี
ตอนท้ายแห่งความหลุดพ้นจากกิเลส บัญญัติคือพุทธะ ทรงทำให้แจ้งพร้อมกับ
ทรงได้พระสัพพัญญุตญาณ.
ในบทว่า พุทธะ นั้น ชื่อว่า พุทธะ เพราะอรรถว่า ตรัสรู้สัจจะ
ทั้งหลาย เหมือนผู้ที่ลงมาในโลก [อวตาร] ก็เรียกว่า ผู้ลงมา [อวตาร].
ชื่อว่า พุทธะ เพราะอรรถว่า ทรงปลุกหมู่สัตว์ให้ตื่น เหมือนลมที่ทำใบไม้
ให้แห้ง ก็เรียกว่าใบไม้แห้ง. บทว่า สพฺพญฺญุตาย พุทฺโธ ท่านอธิบายว่า
ชื่อว่า พุทธะ เพราะความรู้ที่สามารถรู้ได้ทุกอย่าง. บทว่า สพฺพทสฺสาวิตาย
พุทฺโธ
ท่านอธิบายว่า ชื่อว่า พุทธะ เพราะความรู้ ที่สามารถรู้ธรรมได้
ทุกอย่าง. บทว่า อนญฺญเญยฺยตาย พุทโธ ท่านอธิบายว่า ชื่อว่า พุทธะ
เพราะตรัสรู้เอง มิใช่ผู้อื่นทำให้ตรัสรู้. บทว่า วิกสิตาย พุทฺโธ ท่าน
อธิบายว่า ชื่อว่า พุทธะ เพราะทรงบาน เหตุบานด้วยพระคุณนานาประการ
เหมือนดอกปทุมบาน. ด้วยบทอย่างนี้เป็นต้นว่า ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธ

ท่านอธิบายว่า ชื่อว่า พุทธะ เพราะทรงตื่นแล้วเหตุสิ้นกิเลสดุจความหลับ
ทุกอย่าง เหมือนบุรุษตื่นเพราะสิ้นความหลับ เพราะทรงละธรรมอันทำความ
หดหู่แห่งจิตได้. ท่านกล่าวว่า เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธ ดังนี้ ก็เพื่อ
แสดงว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านเรียกว่า พุทธะ ก็เพราะทรงดำเนินเอกายน-
มรรค เหมือนบุรุษแม้เดินทาง เขาก็เรียกว่าผู้เดินไป เพราะปริยาย (ทาง) แห่ง
อรรถว่าไปสู่ทางตรัสรู้. บทว่า เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ
พุทฺโธ
ท่านอธิบายว่า ชื่อว่า พุทธะ ไม่ใช่เพราะตรัสรู้โดยคนอื่น ที่แท้ ชื่อว่า
พุทธะ เพราะตรัสรู้ยิ่งซึ่งพระสัมมาสัมโพธิ อันยอดเยี่ยม ด้วยพระองค์เอง
เท่านั้น. คำนี้ว่า อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธ เป็นคำแสดง
ปริยายว่า พุทฺธิ พุทธํ โพโธ ในคำนั้น พึงทราบอรรถ ที่สามารถทำ พุทธะ
ศัพท์ของบททุกบทให้สำเร็จความ โดยนัยอย่างนี้ว่า ท่านอธิบายเพื่อให้รู้ว่า
พุทธะ เพราะทรงประกอบด้วยพระคุณคือพุทธิความรู้เหมือนที่เรียกกันว่า
ผ้าเขียว ผ้าแดง ก็เพราะประกอบด้วยสีเขียว สีแดง ต่อแต่นั้น คำเป็นต้น
อย่างนี้ว่า พุทฺโธติ เนตํ นามํ ท่านกล่าวไว้ก็เพื่อให้รู้ว่า บัญญัตินี้ ดำ-
เนินไปตามอรรถะคือเนื้อความ.
การชี้แจงเรื่องพุทธะแม้โดยพยัญชนะ มีดังกล่าวมานี้.

ชี้แจงเรื่องสรณคมน์และผู้ถึงสรณคมน์


บัดนี้ จะกล่าวชี้แจงในเรื่องการถึงสรณคมน์เป็นต้น ดังต่อไปนี้.
พระรัตนตรัยที่ชื่อว่า สรณะ เพราะกำจัด อธิบายว่า บีบ ทำลาย นำออก
ดับภัยคือความกลัว ความหวาดสะดุ้ง ทุกข์ ทุคติ ความเศร้าหมอง ด้วย
การถึงสรณะนั้นนั่นแล ของคนทั้งหลายที่ถึงสรณคมน์. อีกนัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า
ชื่อว่า สรณะ เพราะกำจัดภัยของสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการให้เข้าถึงสิ่งที่เป็น